Author: colorpack
การบริจาคเม็ดเลือดแดง
การบริจาคเม็ดเลือดแดง (Single Donor Red Cells)
เม็ดเลือดแดง (Red blood Cells) เป็นส่วนประกอบชนิดหนึ่งของเลือด มีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ผู้ป่วยที่ต้องใช้เม็ดเลือดแดงชนิด Single Donor Red Cells ในการรักษา ได้แก่
-
ผู้ป่วยโรคเลือดที่ต้องได้รับเลือดประจำ เช่น ธาลัสซีเมีย ไขกระดูกฝ่อ เป็นต้น
-
ผู้ป่วยที่เป็นหมู่เลือดพิเศษหรือหายาก
-
ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้เลือดรุนแรง (Anaphylaxis)
คุณสมบัติผู้บริจาคเม็ดเลือดแดง
- อายุ 17 ปีบริบูรณ์ – 60 ปี (บริจาคเม็ดเลือดแดงครั้งแรก อายุไม่เกิน 50 ปีและต้องบริจาคโลหิตรวมที่ศูนย์บริการโลหิตฯ มารวมอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 1 ปี)
- ผู้บริจาคชาย น้ำหนักเท่ากับหรือมากกว่า 59 กิโลกรัม ส่วนสูงมากกว่า 155 เซนติเมตร
- ผู้บริจาคหญิง น้ำหนักเท่ากับหรือมากกว่า 68 กิโลกรัม ส่วนสูงมากกว่า 165 เซนติเมตร
- มีเส้นเลือดที่ข้อพับแขนมองเห็นชัดเจน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงก่อนมาบริจาค เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ เป็นต้น
- มีค่าความเข้มข้นโลหิต Hct มากกว่า 40 % และ Hemoglobin มากกว่า 14.0 g/dl
- มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการบริจาคโลหิต
การบริจาคเม็ดเลือดแดง
บริจาคด้วยเครื่องแยกส่วนประกอบโลหิตอัตโนมัติ (ฺBlood Cell Separator) จะแยกเก็บ เฉพาะเม็ดเลือดแดงไว้ โดยคืนส่วนอื่นกลับสู่ร่างกาย และชดเชยเลือดที่บริจาคด้วยน้ำเกลือ 400 มิลลิลิตรให้แก่ผู้บริจาค ใช้เวลาประมาณ 45 นาที บริจาคได้ทุก 4 เดือน
วัน/เวลาทำการห้องบริจาคเม็ดเลือดแดง
-
วันจันทร์ พุธ ศุกร์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-16.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 15.00 น. ) -
วันอังคาร พฤหัสบดี
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 07.30-19.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 17.00 น. ) -
วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-12.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 11.30 น.)
นัดหมายการบริจาคเกล็ดเลือด หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2-263-9600 -99 ต่อ 1143,1144
การบริจาคเกล็ดเลือด
การบริจาคเกล็ดเลือด (Single Donor Platelets)
เกล็ดเลือด (platelet) คือส่วนประกอบของเลือดชนิดหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมาก มีหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด และอุดรอยฉีกขาดของหลอดเลือด ปริมาณเกล็ดเลือดในคนทั่วไปมีค่าประมาณ 150,000 – 400,000 ตัวต่อปริมาณเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร (150,000 – 400,000/mm3) ผู้ป่วยที่มีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำ อาจทำให้มีเลือดออกซึ่งรุนแรงถึงชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องได้รับเกล็ดเลือด (platelet transfusion) เพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว จึงมีการให้เกล็ดเลือดในผู้ป่วยที่มีเลือดออกจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำหรือทำงานผิดปกติ หรือผู้ป่วยที่ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดได้น้อย (เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคตับ) หรือผู้ป่วยที่สูญเสียเกล็ดเลือดจำนวนมาก (เช่น โรคไข้เลือดออก การผ่าตัดใหญ่ การตกเลือดหลังคลอดบุตร เลือดออกจากอุบัติเหตุ เป็นต้น)
คุณสมบัติผู้บริจาคเกล็ดเลือด
-
เพศชาย
เนื่องจากผู้บริจาคเพศหญิงอาจทำให้มีอุบัติการณ์แทรกซ้อน ในผู้ป่วยที่มีสาเหตุจาก แอนติบอดี้ต่อเม็ดเลือดขาว มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวเป็นมาตรฐานสากลในการบริจาคเกล็ดเลือดรายเดียวด้วยวิธี Plateletpheresis -
มีสุขภาพแข็งแรง
ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการบริจาคโลหิต -
อายุ 17 ปีบริบูรณ์ – 60 ปี
บริจาคเกล็ดเลือดครั้งแรก อายุไม่เกิน 50 ปีและต้องบริจาคโลหิตรวมที่ศูนย์บริการโลหิตฯ มารวมอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 1 ปี -
น้ำหนัก
อย่างน้อย 50 กิโลกรัม -
ปริมาณเกล็ดเลือด
มีปริมาณเกล็ดเลือดก่อนบริจาค ไม่น้อยกว่า 200,000 ตัวต่อปริมาณเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร หลังบริจาคต้องมีปริมาณเกล็ดเลือด ไม่น้อยกว่า 100,000 ตัวต่อปริมาณเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร (ผู้บริจาคจะได้รับตรวจ CBC* ซึ่งเป็นการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ก่อนการบริจาค) -
เส้นเลือด
มีเส้นเลือดที่ข้อพับแขน มองเห็นชัดเจน -
อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
ไม่กินยาแก้ปวดแอสไพริน ยาแก้ปวดข้อและ ยาที่อยู่ในกลุ่ม NSAIDs อย่างน้อย 48 ชั่วโมง -
อย่างน้อย 72 ชั่วโมง
หยุดรับประทานขมิ้นชันหรือน้ำมันปลา อย่างน้อย 72 ชั่วโมง ก่อนมาบริจาค เนื่องจากอาจมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด
วิธีการบริจาค
การบริจาคเกล็ดเลือด (Single Donor Platelets) สามารถบริจาคได้ทุกเดือน โดยรับบริจาคด้วยเครื่องแยกส่วนประกอบโลหิตอัตโนมัติ (Blood Cell Separator) เครื่องจะแยกเกล็ดเลือดเก็บและคืนส่วนอื่นกลับสู่ร่างกาย ใช้เวลาในการบริจาคแต่ละครั้งประมาณ 1-2 ชั่วโมง
วัน/เวลาทำการห้องบริจาคเกล็ดเลือด
-
วันจันทร์ พุธ ศุกร์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-16.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 15.00 น. ) -
วันอังคาร พฤหัสบดี
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 07.30-19.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 17.00 น. ) -
วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-12.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 11.30 น.)
นัดหมายการบริจาคเกล็ดเลือด หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2-263-9600 -99 ต่อ 1143,1144
การบริจาคพลาสมา
การบริจาคพลาสมา (Single Donor Plasma)
พลาสมาหรือน้ำเหลืองนั้นเป็นส่วนของประกอบของเลือดที่ได้หลังจากแยกส่วนของเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดออกไป ในพลาสมาจะประกอบไปด้วยสารโปรตีน ได้แก่ อัลบูมิน โกลบูลิน อิมมูโนโกลบูลิน สารที่ทำให้เลือดแข็งตัว มีหน้าที่สำคัญในการรักษาปริมาณน้ำภายในหลอดเลือด ต่อต้านเชื้อโรคและช่วยในการแข็งตัวของเลือด สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยา ได้แก่
1. แฟคเตอร์ 8 (Factor VIII Concentrate)
2. ไอวีไอจี IVIG (Intravenous Immune Globulin)
3. อัลบูมิน (Albumin)
4. เซรุ่มป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี และเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
คุณสมบัติผู้บริจาคพลาสมา
- อายุ 17 ปีบริบูรณ์ – 60 ปี (บริจาคเกล็ดเลือดครั้งแรก อายุไม่เกิน 50 ปีและต้องบริจาคโลหิตรวมที่ศูนย์บริการโลหิตฯ มารวมอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 1 ปี)
- น้ำหนักอย่างน้อย 50 กิโลกรัม
- เส้นเลือดที่ข้อพับแขนมองเห็นชัดเจน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงก่อนมาบริจาค เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ เป็นต้น
- มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการบริจาคโลหิต
- สำหรับผู้บริจาคโลหิตโครงการบริจาคพลาสมาทำเซรุ่มไวรัสตับอักเสบบี และเซรุ่มพิษสุนัขบ้า
- โครงการบริจาคพลาสมาทำเซรุ่มไวรัสตับอักเสบบี เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเจาะเลือดประมาณ 6 mL ส่งงานห้องปฏิบัติการเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดเพื่อตรวจ Anti-HBsAg ว่ามีหรือไม่ เมื่อทราบผลทำการคัดแยกเข้าโครงการ ในกรณีที่ผลการตรวจ Anti-HBsAg เป็นบวก (มากกว่าหรือเท่ากับ 5 IU/mL) ให้เข้าโครงการเซรุ่มป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Human Hepatitis-B Immunoglobulin HBIG) และทำบัตรนัดฉีดยา โดยนัดฉีดยาเดือนละ 1 เข็ม เป็นเวลา 3 เดือน ติดต่อกันพร้อมทั้งเจาะโลหิตตรวจหาระดับ Anti-HBsAg ก่อนฉีดยาเข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 ผลภูมิหลังฉีดยาครบ 3 เข็มต้องมากกว่า 10 IU/mL เมื่อฉีดยาเข็มที่ 3 ครบแล้ว 2 สัปดาห์ เริ่มบริจาคพลาสมาได้และสามารถบริจาคได้ทุก 14 วัน ในระหว่างที่อยู่ในโครงการบริจาคพลาสมาจะต้องมีการฉีดยากระตุ้นตลอดทุก 3 เดือนพร้อมทั้งตรวจระดับ Anti- HBsAg ทุก 3 เดือน
- โครงการเซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า (Human Rabies Immunoglobulin, HRIG) โดยจะฉีดวัคซีน VERORAB 0.2 mL ID แบ่งฉีดกล้ามเนื้อ (Deltoid) ที่แขนทั้ง 2 ข้างๆ ละ 0.1 mL ทำบัตร นัดฉีดยากำหนดวันดังนี้
ฉีดวัคซีนครั้งที่ 1 (Day 0) วันที่……..(วันที่มาฟังผลและตกลงเข้าโครงการ)
ฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 (Day7) วันที่……..(7 วันหลังจากฉีดยาเข็มที่ 1)
ฉีดวัคซีนครั้งที่ 3 (Day21) วันที่……..(21 วันหลังจากฉีดยาเข็มที่ 1)
หลังจากฉีดยาครบ 3 เข็ม แล้วเมื่อครบกำหนด 2 สัปดาห์ เริ่มบริจาคพลาสมาได้ และสามารถ บริจาคได้ทุก 14 วัน ในระหว่างที่อยู่ในโครงการบริจาคจะต้องมีการฉีดยากระตุ้นตลอดทุก 3 เดือน
- พลาสมาในกลุ่มที่ไม่ต้องฉีดวัคซีนผลิต Fractionation คัดเลือกผู้บริจาคแบบเดียวกันแต่ไม่ต้องมีการฉีดวัคซีน
การดูแลเพิ่มเติมสำหรับผู้บริจาคพลาสมา
ตรวจติดตามระดับ Total Protein และ Albumin ทุก 6 เดือน ในผู้บริจาคพลาสมาทุก ถ้า Protein ต่ำกว่า 6.0 g/dl ให้ผู้บริจาคหยุดการบริจาคชั่วคราว และนัดมาตรวจซ้ำหลังจาก นั้น 1 เดือน ถ้ามากกว่า 6.0 g/dl สามารถบริจาคต่อได้
วิธีการบริจาค
การบริจาคพลาสมา จะบริจาคด้วยเครื่องแยกส่วนประกอบโลหิตอัตโนมัติ (Blood Cell Separator) ใช้เวลาในการบริจาค ประมาณ 45 นาที ครั้งละ 500 ซีซี บริจาคได้ทุก 14 วัน
วันและเวลาทำการ
-
วันจันทร์ พุธ ศุกร์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-16.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 15.30 น. ) -
วันอังคาร พฤหัสบดี
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 07.30-19.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 18.00 น. ) -
วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์
(ไม่ปิดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-12.30 น.
(ปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด เวลา 12.00 น.)
นัดหมายการบริจาคเกล็ดเลือด หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2-263-9600 -99 ต่อ 1143,1144
วันและเวลาทำการห้องรับบริจาคพลาสมา ชั้น 2
เปิดทำการเฉพาะ วันจันทร์-ศุกร์
(ไม่หยุดพักกลางวัน)
เวลา 08.30-16.30 น.
ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1101,1203
นโยบายคุณภาพ และการรับรองคุณภาพ/ มาตรฐาน
นโยบายคุณภาพ พ.ศ.2566
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
มุ่งมั่นให้บริการโลหิตและผลิตภัณฑ์โลหิตที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานสากล ด้วยการบริหารระบบคุณภาพที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลัก จริยธรรรม ความเสมอภาคและความพึงพอใจของผู้รับบริการ
-
Rectangle 95
-
Rectangle 94
-
Rectangle 96
วิสัยทัศน์/ พันธกิจ/ ยุทธศาสตร์/ ค่านิยมองค์กร
วิสัยทัศน์
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นศูนย์กลางการให้บริการโลหิต เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต และ ผลิตภัณฑ์ด้านบริการโลหิตของประเทศ ได้เพียงพออย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด ต่อผู้บริจาคโลหิตและผู้ป่วย ด้วยมาตรฐานระดับสากล
-
Rectangle 96
-
Rectangle 94
-
Rectangle 95
พันธกิจ
-
1. เป็นศูนย์กลางบริหารงานบริการโลหิต เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต และผลิตภัณฑ์ด้านบริการโลหิต ให้เพียงพอและปลอดภัย
-
2. กำหนดนโยบาย มาตรฐาน และแนวปฏิบัติการให้บริการโลหิตระดับประเทศ
-
3. เป็นศูนย์กลางห้องปฏิบัติการ และข้อมูลด้านบริการโลหิตของประเทศ
-
4. ธำรงไว้ซึ่งระบบคุณภาพตามมาตรฐานสากล
-
5. ส่งเสริมการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านบริการโลหิตอย่างต่อเนื่อง
-
6. บริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตบุคลากร
ยุทธศาสตร์ 2564 – 2570 Strategic Themes
-
1. ยุทธศาสตร์ด้านการผสานความร่วมมือกับเครือข่าย (Collaborative Strategy)
1. ยุทธศาสตร์ด้านการผสานความร่วมมือกับเครือข่าย (Collaborative Strategy)
-
2. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาระบบคุณภาพและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Quality & Enabling IT Strategy)
2. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาระบบคุณภาพและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Quality & Enabling IT Strategy)
-
3. ยุทธศาสตร์ด้านความเป็นเลิศและการพึ่งพาตนเอง (Center of Excellence & Self-sustainability Strategy)
3. ยุทธศาสตร์ด้านความเป็นเลิศและการพึ่งพาตนเอง (Center of Excellence & Self-sustainability Strategy)
-
4. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาบุคลากรและการพัฒนาองค์กร (People & Organization Development Strategy)
4. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาบุคลากรและการพัฒนาองค์กร (People & Organization Development Strategy)
ค่านิยมองค์กร
-
คุณภาพ
Quality
-
รับผิดชอบ
Accountability
-
เอื้ออาทร
Caring
ข้อมูลผู้บริหาร
ผู้บริหารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ผู้อำนวยการ
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ
ผู้อำนวยการ
รองผู้อำนวยการ
-
ชื่อ-นามสกุล
รองผู้อำนวยการ ด้านบริการโลหิต
-
นางสาวภาวิณี คุปตวินทุ
รองผู้อำนวยการ ด้านปฏิบัติการและบริหาร
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ
-
นางสาวปิยนันท์ คุ้มครอง
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร
-
นางสิณีนาฏ อุทา
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านการบริการโลหิต
-
นายสาธิต เทศสมบูรณ์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านบริการโลหิตส่วนภูมิภาค
-
ภก.ดร.นรินทร์ กิจเกรียงไกรกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านบริหารศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา
-
ภญ.ปิยวดี วิทยาวิวัฒน์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านการบริหาร
-
ชื่อ-นามสกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี
-
ภญ.วดี รุ่งประดับวงศ์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านการผลิตผลิตภัณฑ์
หัวหน้าศูนย์/ฝ่าย/งาน
-
นางศิริลักษณ์ เพียรเจริญ
หัวหน้าศูนย์ห้องปฏิบัติการอ้างอิง
-
นายธีระ วิทยาวิวัฒน์
หัวหน้าฝ่ายจ่ายโลหิตและผลิตภัณฑ์
-
นางสาวนภัสศิริ สมใจ
หัวหน้าฝ่ายรับบริจาคโลหิตเฉพาะส่วน
-
นางวลาพร พัฒนาพงศ์ศักดิ์
หัวหน้าฝ่ายเจาะเก็บโลหิต
-
นายเกรียงศักดิ์ ไชยวงค์
หัวหน้าฝ่ายตรวจคัดกรองโลหิต
-
ภญ.ตรึงตรา ลีลารังสรรค์
หัวหน้าฝ่ายผลิตส่วนประกอบโลหิต
-
ภญ.นฤมล วระชุน
หัวหน้าฝ่ายประกันและควบคุมคุณภาพ
-
ภก.วรพงศ์ บุญพาล้ำเลิศ
หัวหน้าฝ่ายผลิตถุงบรรจุโลหิต อุปกรณ์ และน้ำยา
-
นายอุดม ติ่งต้อย
หัวหน้าฝ่ายผลิตน้ำยาแอนติซีรัมและผลิตภัณฑ์เซลล์
-
นางพิรญาณ์ พิริยะมานนท์
หัวหน้าฝ่ายบัญชีและงบประมาณ
-
นางสาวสริญญา เหล่าสุวรรณพงษ์
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล
-
นางสาววรรณศิริ วรรณศิริพิพัฒน์
หัวหน้าฝ่ายการเงิน
-
นางปุณยนุช รอดเรือง
หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและพัสดุ
-
นางเสาวลักษณ์ อมาตยกุล
หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป
-
ภก.อนวัช มิตรประทาน
หัวหน้าหัวหน้าฝ่ายผลิตผลิตภัณฑ์โลหิต
-
นางสาวสุรัชนี ยอดแสง
รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสารสนเทศและเทคโนโลยี
-
นางสาววิภาวรรณ ภมร
รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
-
นางสาวจุฑารัตน์ แก้วจันทร์เพชร
หัวหน้างานรับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม บางแค
ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
-
นางสาวพัชรากร กรำกระโทก
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี
-
นางสาวประภาภรณ์ อุดมวินิจศิลป์
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี
-
นางสาวสมรัก เพชรโฉมฉาย
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี
-
นางสาวทิพย์นภา กลิ่นหอม
หัวหน้างานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ
-
นางสาวศิริลักษณ์ เพียกขุนทด
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา
-
นางวิราศิณี ชัยมณี
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 6 จังหวัดขอนแก่น
-
นางทัศนีวรรณ เชื้อเจ็ดตน
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี
-
นางสาววชิราภรณ์ ยนต์วิเศษ
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์
-
นางสาวอุไรวรรณ บุญจันทร์
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก
-
นางสาววัชรี ประสิงห์
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่
-
นางสาวชฎาพร จุติชอบ
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช
-
นางสาวสุภัตตรา มิถุนดี
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 12 จังหวัดสงขล
-
นางสาวพรทิพย์ รัตจักร์
หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต
ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา
ภก.ดร.นรินทร์ กิจเกรียงไกรกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านบริหารศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา
-
ภญ.พัฒนา มังจักร
ผู้จัดการศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา
-
นายวิษณุพร โลเกศเสถียร
ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม
-
ภญ.วิชชุดา น้อยมณี
ผู้จัดการฝ่ายผลิต
-
ภญ.ดร. พรทิพย์ เบญจศิริมงคล
ผู้จัดการฝ่ายประกันและควบคุมคุณภาพ
-
นายณัฐนนท์ กันตา
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริหารและจัดการทรัพยากรบุคคล
-
นางณถาภัช สะอาดดี
ผู้จัดการแผนกคลังสินค้าและขนส่ง
-
เภสัชกรกิตติพงษ์ วิโยคม
ผู้จัดการแผนกการตลาดและการขาย
istory of National Blood Centre, Thai Red Cross Society
History of National Blood Centre, Thai Red Cross Society
In 1952, Thailand established a blood service department within the Science Division of the Thai Red Cross Society to respond to the International Red Cross. This developed into the “National Blood Centre,” which was graciously inaugurated by His Late Majesty King Bhumibol Adulyadej and Her Majesty Queen Sirikit, the Queen Mother of Thailand, who officially opened the “Rangsit Memorial Building” for blood services in 1953. On October 13, 1969, the King inaugurated the “National Blood Centre Building” to serve as the new blood service facility, marking a significant and auspicious event for the organization. Thus, October 13 is celebrated annually as the founding day of the National Blood Centre.
On March 25, 2009, Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn, the Executive Vice President of the Thai Red Cross Society, presided over the opening ceremony of the Queen’s Honor Building, which continues to serve as the operational base for the National Blood Centre to this day.
Over 55 years of operation, the National Blood Centre has provided blood services to enhance the quality of life for the public in medical and health aspects, adhering to a customer-centered policy that includes blood donors, patients, and hospitals needing blood for treatment. The operational principles are as follows:
-
Quality
Quality: Donated blood must meet the highest standards of quality and safety for patients, supported by continuous academic, research, and innovation developments for effective blood and blood component services. This includes modern blood testing laboratories, blood bag production facilities, blood typing reagent production, and a variety of blood products.
-
Accountability
Accountability: The centre is committed to providing quality blood services that are sufficient and timely to meet national demands throughout the year. The organization continuously develops itself as a reliable reference for blood services in the country, utilizing new innovations to enhance various technologies, including research for academic excellence and proactive campaigns to recruit blood donors. It has established 12 Regional Blood Centres across major provinces to provide comprehensive and standardized blood services.
-
Caring
Caring: Building virtues within the organization, such as quality, responsibility, and caring, is crucial to ensure personnel act according to ethical standards and governance, which is the Red Cross culture. This foundation fosters a happy work environment, positive attitudes, and effective collaboration across the organization, creating a pleasant workplace and leading to successful operations.