Accessibility Tools

Skip to main content

ประวัติความเป็นมาของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ

         ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถือกำเนิดขึ้นจากการประชุมสันนิบาตกาชาด ครั้งที่ 17 ณ กรุงสต็อกโฮม ประเทศสวีเดน ที่มีมติให้สภากาชาดแต่ละประเทศจัดตั้งงานบริการโลหิตขึ้น โดยยึดถืออุดมคติว่า “ผู้บริจาคโลหิตต้องมาด้วยจิตศรัทธา ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรือหวังผลตอบแทนแต่อย่างใด”

          ประเทศไทยจึงได้จัดตั้งแผนกบริการโลหิตขึ้น ในกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย เมื่อปี พ.ศ. 2495 เพื่อตอบสนองสภากาชาดสากล จากนั้นได้พัฒนาเป็น “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคาร “รังสิตานุสรณ์” เพื่อเป็นอาคารที่ดำเนินการบริการโลหิต เมื่อปี พ.ศ. 2496 และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2512 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” เพื่อใช้เป็นอาคารที่ทำการบริการโลหิตหลังใหม่ ยังความปลาบปลื้มปีติยินดี และเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งต่อองค์กร จึงถือวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย


        จากนั้นในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิด อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ซึ่งใช้เป็นอาคารที่ทำการของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจวบจนปัจจุบัน

         ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 55 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ดำเนินงานบริการโลหิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ภายใต้นโยบายที่ให้ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง (customer center) ได้แก่ ผู้บริจาคโลหิต ผู้ป่วย และโรงพยาบาลที่ต้องการใช้โลหิตในการรักษาพยาบาล 

ประวัติงานบริการโลหิตของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ

วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2495
กรรมการสภากาชาดไทย ได้มีมติให้ตั้งแผนกบริการโลหิตขึ้นในกองวิทยาศาสตร์ เพื่อสนองต่อข้อเสนอของสภากาชาดสากลที่ให้สภากาชาดแต่ละประเทศจัดให้มีบริการโลหิตขึ้น โดยถือหลักปฏิบัติว่า “การบริจาคโลหิต ต้องไม่หวังผลตอบแทนใดๆ”
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “อาคารรังสิตานุสรณ์” การรับบริจาคโลหิตในระยะแรก กระทำเฉพาะภายในสถานที่เท่านั้น มีผู้บริจาควันละ 6-8 ราย
พ.ศ. 2496
หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต พร้อมด้วย พระประยูรญาติ ได้ประทานเงินสร้าง “อาคารรังสิตานุสรณ์” เพื่อใช้เป็นที่ทำการแผนกบริการโลหิต
วันที่ 6 เมษายน 2496
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงลงพระนามในใบสมัครเป็นผู้บริจาคโลหิต หมายเลข 00001
พ.ศ. 2498
ได้เริ่มมีหน่วยเคลื่อนที่ไปรับบริจาคโลหิตนอกสถานที่ โดยได้รับบริจาครถยนต์สำหรับใช้รับบริจาคโลหิต จากสมาคมเซนต์แอนดรูส์ กรุงเทพฯ
พ.ศ. 2499
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินมา ให้ผู้บริจาคโลหิตเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และพระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2504
สภากาชาดไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย ชุดแรกขึ้น เพื่อหาแนวทางให้มีการบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น โดยมี พลตรีศิริ สิริโยธิน เป็นประธานคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทยคนแรก
พ.ศ. 2506
รัฐบาลฝรั่งเศส ได้เสนอให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยในด้านวิชาการ เพื่อจัดตั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเชิญสถาบันต่างๆ ที่มีบริการโลหิตเข้าร่วมประชุม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและมอบให้สภากาชาดไทย รับไปดำเนินการ
วันที่ 11 มีนาคม 2506
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิต ณ สถานเสาวภา ต่อจากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตประจำทุกปี
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2508
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบให้รัฐบาลไทย รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลฝรั่งเศส เพื่อจัดตั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ แล้วมอบให้สภากาชาดไทย รับไปดำเนินการ
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2509
รัฐบาลฝรั่งเศส กับรัฐบาลไทย ร่วมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ณ กรุงเทพฯ และแต่งตั้งนายแพทย์เฉลิม บูรณะนนท์ เป็นผู้อำนวยการคนแรก กิจการได้ขยายไปยัง ส่วนภูมิภาคโดยเปิดสาขาบริการโลหิตขึ้นตามจังหวัดต่างๆ เพื่อจัดหาโลหิตให้เพียงพอแก่ผู้ป่วยภายในจังหวัด
พ.ศ. 2511
รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเป็นค่าก่อสร้างอาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติและเครื่องเรือน รวมเป็นเงิน 6.1 ล้านบาท
วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2511
ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2512
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคาร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงถือเอาวันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520
รัฐบาลอนุมัติเงิน 14 ล้านบาท สร้างตึก 4 ชั้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ผลิตพลาสมาแห้งและแยกส่วนประกอบโลหิต โดยวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2520
พ.ศ. 2535
คณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย ได้จัดสร้างอาคารหลังใหม่ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ โดยได้รับพระราชทานนามว่า “อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ” เป็นอาคารสูง 9 ชั้น
วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2552 ซึ่งใช้เป็นอาคารที่ทำการของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จวบจนปัจจุบัน
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการงานบริการโลหิตระดับนานาชาติ ครั้งที่ 30 ซึ่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเวชศาสตร์การบริการโลหิต ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีผู้ปฏิบัติงานด้านธนาคารเลือดกว่า 110 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมประชุม