Accessibility Tools

Skip to main content

56 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ก้าวหน้า ก้าวต่อไป ก้าวให้ไกล ด้วยคุณภาพ รับผิดชอบ เอื้ออาทร

10 ตุลาคม 2025

                13 ตุลาคม วันคล้ายวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ครบรอบ 56 ปี มุ่งมั่นให้บริการโลหิตและผลิตภัณฑ์โลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล สำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยยึดมั่นค่านิยมองค์กร “คุณภาพ รับผิดชอบ เอื้ออาทร”เพื่อยกระดับพัฒนางานบริการโลหิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชน และหน่วยงานทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ร่วมบริจาคโลหิต  พิเศษ ! ผู้ที่บริจาคโลหิตครบ 56 ครั้ง ในเดือนตุลาคม 2568 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ รับทันทีเสื้อยืด “56th Anniversary National Blood Centre” เป็นที่ระลึก

           รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  สภากาชาดไทย ซึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นจากการประชุมสันนิบาตกาชาด ครั้งที่ 17 ณ กรุงสต็อกโฮม ประเทศสวีเดน มีมติให้สภากาชาดแต่ละประเทศจัดตั้งงานบริการโลหิตขึ้น ในประเทศไทย ได้จัดตั้งแผนกบริการโลหิตขึ้นในกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย เมื่อปีพุทธศักราช 2495 ซึ่งต่อมาได้ยกระดับเป็น “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” โดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2508 เพื่อให้เป็นหน่วยงานหลักของประเทศในการจัดหาโลหิตจากผู้บริจาคด้วยความสมัครใจ ไม่หวังสิ่งตอบแทน และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2512  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด“อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ”เพื่อเป็นอาคารที่ทำการงานบริการโลหิตหลังใหม่ จึงถือให้ วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี  เป็นวันคล้ายวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

                ตลอดระยะเวลา 56 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ยังคงมุ่งมั่น และพัฒนางานบริการโลหิตในทุกมิติ โดยยึดหลักการดำเนินงาน ภายใต้ค่านิยมองค์กร “คุณภาพ รับผิดชอบ เอื้ออาทร” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข ภายใต้นโยบาย ให้ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง (customer center) ได้แก่ ผู้บริจาคโลหิต ผู้ป่วย และโรงพยาบาลที่ต้องการใช้โลหิตในการรักษาพยาบาล โดยการให้บริการโลหิตและผลิตภัณฑ์โลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล ที่ผ่านมา มีการพัฒนางานบริการโลหิตด้านต่างๆ มากมาย ทั้งการรณรงค์จัดหาโลหิต ความก้าวหน้าด้านวิชาการและเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ด้านเวชศาสตร์การบริการโลหิต  

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการรณรงค์จัดหาโลหิต จากจุดเริ่มต้น ในช่วงปีพุทธศักราช 2496         การรับบริจาคโลหิตในระยะแรก กระทำเฉพาะภายในสถานที่เท่านั้น มีผู้บริจาควันละ 6-8 ราย จวบจนปัจจุบัน ในปี 2567 ได้รับโลหิตบริจาคทั่วประเทศ จำนวนมากถึง 2,918,611 ยูนิต  สำหรับก้าวต่อไปในปี 2570  ตั้งเป้าหมายการจัดโลหิต ให้ได้จำนวน 3,310,981 ยูนิต  จึงต้องมีการวางแผนปรับกลยุทธ์การจัดหาโลหิตในทุกมิติ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภายใน และภายนอก จัดโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน  รวมถึงการขยายขีดความสามารถการรับบริจาคโลหิต โดยจัดตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และในส่วนภูมิภาค         ได้จัดตั้งภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการโลหิตแบบครบวงจร และเป็นมาตรฐานเดียวกันกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  ล่าสุดปี 2567 ได้จัดตั้ง“งานบริการโลหิต จังหวัดอุดรธานี” ณ อาคารเหล่ากาชาดอุดรธานี (หลังเดิม) เพื่อให้บริการโลหิตแบบครบวงจรให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดอุดรธานี และโรงพยาบาลในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน  

ด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี ในปี  2567 ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการตรวจหาหมู่โลหิตเชิงลึกระดับโมเลกุล เพื่อหาหมู่โลหิตพิเศษ“Rh+ (Asian-type DEL)”หรือหมู่โลหิต“อาร์เอชเดลชนิดเอเชี่ยน”ในผู้บริจาคโลหิตที่มีหมู่โลหิตอาร์เอชลบ (Rh-) หรือโลหิตหมู่พิเศษ ซึ่งพบได้ในกลุ่มคนเอเชียที่มีหมู่โลหิต Rh- ร้อยละ 15ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับโลหิตที่มีความเหมาะสม ลดความเสี่ยง และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษามากขึ้น  นอกจากนี้ มีการพัฒนาเทคโนโลยี Pathogen Inactivation ใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพในส่วนประกอบโลหิตชนิด Leukodepleted  pooled platelet concentrates (LDPPC) ทำให้ผู้ป่วยได้รับผลิตภัณฑ์โลหิตที่มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และช่วยลดระยะเวลาในการจ่ายผลิตภัณฑ์โลหิต

ด้านการผลิต จากการจัดตั้ง ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา ขึ้นเป็นแห่งแรกในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี  ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตจากบริษัท Green Cross Corporation (GCC) สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งได้รับมาตรฐานในการผลิตระดับชาติ (Korean FDA) และระดับสากลตามมาตรฐาน GMP โดยการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเภสัชตำรับของยุโรป (European Pharmacopeia) ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาและได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดในปี 2568  ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ร่วมกับ GC BioPharma  บริษัทผลิตยาชีวภาพ สาธารณรัฐเกาหลี ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล  การฝึกอบรมบุคลากร โดยการถ่ายทอดความรู้โดยตรงจาก GC BioPharma เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพ ความปลอดภัย และความต่อเนื่องของการผลิตผลิตภัณฑ์ยาที่ได้จากพลาสมาในประเทศไทย

ในวาระโอกาสครบรอบ 56 ปี แห่งการสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐ  รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั่วประเทศ ร่วมบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ป่วย  ส่งผลให้มีโลหิตสำรองคงคลังเพียงพอสำหรับโรงพยาบาลทั่วประเทศ พิเศษ ! สำหรับผู้ที่บริจาคโลหิตครบ 56 ครั้ง ในเดือนตุลาคม 2568 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ รับทันทีเสื้อยืด “56th Anniversary National Blood Centre” เป็นที่ระลึก

สำหรับผู้บริจาคโลหิตครบ 56 ครั้ง ภายในเดือนตุลาคม 2568 ที่บริจาค ณ หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) 7 แห่ง ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ และหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เฉพาะหน่วยของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะจัดส่งเสื้อยืดที่ระลึกให้ในภายหลัง ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช” และในวาระ 56 ปี แห่งการสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

    Tags

    ข่าวที่เกี่ยวข้อง